คำเตือน: มันอาจจะล้ำเส้นจินตนาการของหลาย ๆ คน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ แต่เรามีตัวช่วยให้
Siwon
Kyuhyun
Changmin
Panthera Hybrid
ภายในห้องประชุมแผนกอนุบาลสัตว์ของสวนสัตว์นานาชาติแห่งหนึ่งในกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ คณะสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ประจำสวนสัตว์กำลังปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด เกี่ยวกับเรื่องการถือกำเนิดลูกเสือโคร่งเบงกอลที่กำลังเป็นข่าวคึกโครมในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ โดยเมื่อสามวันก่อนแม่เสือเบงกอลนามว่าฮีซอลได้คลอดลูกเสือโคร่งออกมาสองตัว ตัวที่คลอดก่อนชื่อทงเฮ ส่วนตัวที่คลอดทีหลังชื่อคยูฮยอน ซึ่งเป็นชื่อที่คัดเลือกมาจากผู้ชนะการประกวดตั้งชื่อลูกเสืออันดับหนึ่งและสองในงานวันเด็กแห่งชาติ
แต่เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้น เมื่อฮีซอลนั้นเข้าใจผิดคิดว่าคยูฮยอนไม่ใช่ลูกในไส้ของตน เพราะเจ้าเสือน้อยตัวเล็กนี้เกิดมามีขนสีขาวไม่ใช่สีเหลืองส้มอย่างตนและทงเฮ เธอจึงไม่ยอมเลี้ยงดูคยูฮยอนเลย ทำให้เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ต้องชงนมผสมสารอาหารคล้ายคลึงกับนมแม่ให้คยูฮยอนกิน พวกเขาตั้งใจจะรอสังเกตพฤติกรรมของฮีซอลสักระยะหนึ่งเผื่อเธอจะหันมาดูแลลูกเสือขาวตัวนี้บ้าง
ผ่านไปสามวันสถานการณ์ยังเหมือนเดิม แถมเจ้าตัวเล็กยังเริ่มออกอาการป่วยจากการนอนเพียงลำพังในสภาพอากาศหนาวเย็น ขณะที่ทงเฮได้รับความอบอุ่นจากการซุกขนนุ่ม ๆ ของมารดา ทำให้คณะสัตวแพทย์และผู้ดูแลสัตว์ต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือลูกเสือน้อยก่อนที่มันจะเอาชีวิตไม่รอด
“ผมคิดว่าฮีซอลไม่เลี้ยงคยูฮยอนแน่ ๆ แล้วล่ะ ไม่มีวี่แววว่ามันจะให้นมคยูฮยอนเลย เราอย่าเสี่ยงรอจะดีกว่า รีบพาคยูฮยอนไปเลี้ยงดูในเนิร์สเซอรี่เถอะ” นายสัตวแพทย์คิมแทอูกล่าว
หลังเสร็จสิ้นการประชุม สัตวบาลสองรายได้เข้าไปนำตัวลูกเสือตัวสีขาวออกมาจากคอกเสือขนาดใหญ่ ซึ่งมีพ่อเสือ แม่เสือและลูกน้อยเพิ่งคลอดอยู่ข้างใน สัตวบาลทั้งสองคนนี้คุ้นเคยกับแมวยักษ์ครอบครัวนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเลี้ยงดูพวกมันทุกตัวมาตั้งแต่เล็ก ทำให้เสือเหล่านี้วางใจ ไม่คิดว่าพวกเขาจะมาทำอันตราย จึงไม่จำเป็นต้องยิงลูกดอกยาสลบแต่อย่างใด
ขณะที่สัตวบาลนายหนึ่งเข้าไปเล่นลูบศีรษะฮีซอลเพื่อเปี่ยงเบนความสนใจ อีกนายหนึ่งก็เข้าไปนำตัวลูกเสือสีขาวออกมา
“โถ...เจ้าตัวเล็ก มานี่เร็ว” สัตวบาลอีซอกฮุนนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ ลูกเสือแรกเกิดที่น่าสงสารมันนอนขดอยู่ตัวเดียวบนกองฟาง เจ้าตัวน้อยมีขนปุกปุยสีขาวสะอาดประดับลายพาดกลอนสีน้ำตาลจาง ๆ จมูกและใบหูมีสีชมพูสดใส นัยน์ตายังปรือปิด ขาเล็ก ๆ ทั้งสี่ยังไม่แข็งแรงพอจะลุกยืน สัตวบาลหนุ่มอุ้มเด็กน้อยที่สั่นเทาขึ้นมาวางลงบนห่อผ้าขนหนูผืนหนาเพื่อให้ความอบอุ่นแล้วพามันออกจากคอก
ซอกฮุนนำคยูฮยอนมาให้นายสัตวแพทย์คิมแทอูตรวจร่างกายอย่างละเอียด ผลการตรวจพบว่าลูกเสือน้อยตัวนี้ไม่แข็งแรง ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นายสัตวบาลหนุ่มจึงอาสาเลี้ยงดูเจ้าลูกเสือตัวนี้เอง เขาพามันมายังเนิร์สเซอรี่สัตว์ไม่ไกลจากห้องตรวจนัก รีบนำร่างเล็ก ๆ เข้าไปในตู้อบเพื่อให้ความอบอุ่น
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเจ้าลูกเสืออ้วนท้วนและมีน้ำมีนวลมากขึ้น มันเริ่มแข็งแรงและสามารถลืมตาได้แล้ว
“แกเป็นเสือที่สวยมากเลยนะคยูฮยอน” ซอกฮุนอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นแนบอก มองนัยน์ตาสีน้ำเงินสดใสของลูกเสือน้อย
“เหมียว” คยูฮยอนร้องเหมือนจะตอบรับคำชม มันทำเสียงครืดคราดในลำคอแสดงความพอใจแล้วเอาหัวเล็ก ๆ ที่มีขนปุยถูไถไปมากับหน้าอกของผู้ดูแล
“น่ารักมากเจ้าตัวเล็ก”
หลังจากเข้ามาอยู่ในเนิร์สเซอรี่ได้สองสัปดาห์เสือน้อยคยูฮยอนก็สามารถเดินได้ มันวิ่งเล่นไปทั่วเนิร์สเซอรี่ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่สองชั้น ชั้นล่างมีห้องขนาดใหญ่อยู่สามห้อง แต่ละห้องยังถูกแบ่งย่อยเป็นคอกเล็ก ๆ โดยอาศัยรั้วไม้เทียมเตี้ย ๆ ภายในคอกนั้นมีลูกสัตว์หรือสัตว์ป่วยอาศัยอยู่คอกละไม่เกินสองตัว คยูฮยอนเป็นสัตว์ตัวเดียวที่ไม่ได้อยู่ในคอกเนื่องจากยังเล็กและไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์อื่น
“ระวังหน่อยคยูฮยอน ขาเรายังไม่แข็งแรงดีนะ” ซอกฮุนกล่าวเตือนเมื่อเห็นคยูฮยอนทำคึกวิ่งไปวิ่งมา ลื่นล้มบ้างแต่ก็ยังลุกขึ้นมาวิ่งต่อ เจ้าตัวเล็กสนใจสัตว์ต่าง ๆ ที่ซอกฮุนเลี้ยงไว้ มันวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที เรียกเสียงร้องของสัตว์ในคอกได้เซ็งแซ่ ซึ่งซอกฮุนก็ได้แต่ยืนมองอย่างขำขัน
สามสัปดาห์ผ่านไปคยูฮยอนแข็งแรงและมีขนาดตัวใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็ยังเล็กกว่าเจ้าลูกชิมแปนซีชื่อ ‘ชางมิน’ ที่เจ้าลูกเสือชอบไปเล่นด้วย ชิมแปนซีน้อยตัวนี้เข้ามารักษาโรคซึมเศร้าในโรงพยาบาลสัตว์ เพราะหลายวันก่อนขณะเกาะหลังแม่ที่กำลังปีนป่ายอยู่บนต้นไม้แถวชายป่า แม่ของมันถูกนายพรานล่าเอาหนังไปขาย ชาวบ้านผู้อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงผ่านมาพบลูกชิมแปนซีตัวผอมแห้งนอนอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ก็รู้สึกเวทนาจึงรีบพามันมาส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ หลังเข้ารับการรักษาอยู่ห้าวัน มันก็ถูกส่งต่อมาพักฟื้นยังเนิร์สเซอรี่แห่งนี้
ซอกฮุนยังจำวันแรกที่เขาอุ้มชางมินเข้ามาได้ คยูฮยอนสนใจลิงน้อยตัวนี้เป็นอย่างมาก เจ้าลูกเสือปีนป่ายลำตัวสูงใหญ่ของเขาขึ้นมาจนได้เกาะอยู่บนไหล่แล้วชะโงกหน้ามองขณะซอกฮุนป้อนนมขวดให้ชางมิน เจ้าลิงน้อยได้รับสิทธิ์ไม่ถูกจำกัดพื้นที่อยู่ภายในคอกเช่นเดียวกับคยูฮยอน เพราะมันก็ต้องได้รับการดูแลจากซอกฮุนเป็นพิเศษเช่นกัน ประกอบกับการกั้นคอกจะยิ่งเพิ่มความเครียดให้ชางมินจนส่งผลให้รักษาโรคซึมเศร้าไม่หายเสียที
วันหนึ่งหลังจากซอกฮุนนำเต่ากาลาปากอสอายุยี่สิบหกปีชื่อ ‘เยซอง’ ที่เพิ่งหายจากอาการท้องเสียกลับไปปล่อยในบ่อเต่าของสวนสัตว์ เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าคยูฮยอนนอนหลับอยู่กับชางมินโดยเจ้าตัวเล็กเอาศีรษะกลม ๆ หนุนพุงเจ้าชิมแปนซีอย่างสบายใจ ซึ่งชางมินก็พอใจและไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิด
แม้ซอกฮุนจะดีใจที่เห็นคยูฮยอนมีเพื่อน แต่ชิมแปนซีกับเสือเบงกอลนั้นไม่อาจอยู่ร่วมกันในระยะยาวได้ ประกอบกับระยะนี้เจ้าชางมินมีอาการดีขึ้นจนอาจได้ย้ายไปอยู่รวมกับฝูงชิมแปนซีในสวนสัตว์ได้ภายในเร็ววัน ซอกฮุนจึงเริ่มมองหาสังคมใหม่ให้กับคยูฮยอนลูกเสือขาวในปกครองของเขา
วันนี้สัตวบาลหนุ่มพาคยูฮยอนออกมานอกบ้าน เจ้าตัวเล็กดูตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว มันวิ่งพล่านไปทั่วจนซอกฮุนต้องอุ้มเอาไว้ เขาพาเสือน้อยมายังคอกขนาดใหญ่ ก่อนจับคยูฮยอนขึ้นพาดบ่า เพื่อใช้มือทั้งสองข้างไขกุญแจหน้าประตูคอก ครั้นเปิดเข้าไปได้ก็พบลูกสิงโตสามตัววิ่งกรูเข้ามาหาทันที
“สวัสดี ซีวอน คีย์ ซอฮยอน” ซอกฮุนกล่าวทักทายเจ้าลูกสิงโตทั้งสามตัว พวกมันทำท่าทางสนใจสิ่งมีชีวิตขนปุยในอ้อมแขนของเขาเป็นอย่างยิ่ง “ฉันพาน้องมาแนะนำให้รู้จักน่ะ”
ซอกฮุนค่อย ๆ วางคยูฮยอนลงบนพื้น ทันใดนั้นเจ้าตัวเล็กก็เบียดร่างเข้ามาแนบขาของเขาพลางเงยหน้าสบนัยน์ตาแป๋วสีฟ้า ร้องเหมียว ๆ อย่างไม่เข้าใจว่าซอกฮุนพามันมาทำอะไรที่นี่ เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงนั่งลงข้าง ๆ คยูฮยอน
“ไม่ต้องกลัว เจ้าตัวเล็กของฉัน นี่พี่ซีวอน พี่คีย์แล้วก็ซอฮยอนไง ไปเล่นกับพวกเขาสิ” ว่าพลางดันก้นเจ้าตัวเล็กไปข้างหน้า
ลูกสิงโตทั้งสามนั่งมองคยูฮยอนตาไม่กระพริบ
'ตัวอะไรน่ะ นี่นายเป็นตัวอะไรเหรอ' ซอฮยอนถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คยูฮยอนขยับถอยไปเล็กน้อย ใบหน้าน่ารักหันมองผู้ปกครองของตน
'พ่อฮะ' เจ้าตัวน้อยตะกายจะขึ้นไปบนตักของซอกฮุนเสียให้ได้ ซอกฮุนได้ยินคยูฮยอนทำเสียงงื้ดง้าดจึงลูบศีรษะเป็นการปลอบประโลม
“ไม่ต้องตกใจ ซอฮยอนอยากรู้จักเราน่ะ”
'ซอฮยอนอย่าทำแบบนั้นสิ น้องตกใจนะ' ลูกสิงโตที่ชื่อซีวอนก้าวออกมา แถมย่างเข้าใกล้ลูกเสือน้อยที่แปะอุ้งเท้าเล็ก ๆ ทั้งสองไว้บนขาของผู้ปกครอง
'คุณพ่อ' เสียงงื้ด ๆ ถูกเปล่งออกมาอีกครั้งด้วยความหวั่นเกรง
'ไม่ต้องกลัวหรอกนะ พี่ชื่อซีวอน จากนี้ไปจะดูแลน้องเอง' ซีวอนเอาศีรษะของตัวเองถูเบา ๆ กับศีรษะของคยูฮยอน ลูกเสือจ้องมองลูกสิงโตที่ตัวใหญ่กว่าด้วยดวงตาสีน้ำเงินใส
'พี่ซีวอน...' ริมฝีปากเล็ก ๆ พยายามเรียกชื่อของสิงโตใจดีที่อยู่ตรงหน้า
'นายชื่อคยูฮยอนอย่างนั้นเหรอ น่ารักจังเลยนะ จากนี้ไปเรามาเล่นด้วยกันเถอะ' ซีวอนเลียขนปุย ๆ บนหัวของคยูฮยอน เมื่อเจ้าตัวเล็กเห็นว่าซีวอนไม่เป็นอันตราย แถมยังเป็นมิตรและพึ่งพาได้ ก็ตอบรับความใจดีนั้นด้วยการเอาข้างแก้มถูกับแผงอกของลูกสิงโต 'ขี้อ้อนจังนะ'
ทว่าขณะนั้นเอง เงามืดทะมึนค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาบดบังแสงแดดที่ส่องกระทบร่างเล็ก ๆ สีขาวสะอาด คยูฮยอนเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบเข้ากับร่างสูงสง่าของนางสิงห์
“ว่ายังไงแทยอน” ซอกฮุนกล่าวทักแม่สิงโต “ฉันฝากเลี้ยงเด็กคนนึงได้มั้ย เขาน่าสงสารนะ ถูกแม่จริง ๆ ทอดทิ้งมา”
สิงโตที่ชื่อแทยอนถูศีรษะไปบนไหล่ของซอกฮุนเป็นการทักทายมนุษย์ผู้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่แบเบาะ แทยอนเข้าใจความรู้สึกของคยูฮยอนดี เพราะครั้งเธอยังเด็กก็ถูกแม่ทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นกัน แม่ของแทยอนนั้นเลี้ยงลูกไม่เป็น ซอกฮุนจึงต้องรับอาสาเลี้ยงเอาไว้
'ไม่ต้องกลัวนะคยูฮยอน' แทยอนก้มศีรษะลงมา เธอยิ้มให้กับลูกเสือเบงกอล 'ฉันชื่อแทยอน เป็นแม่ของสิงโตสามตัวนี้ เธอไม่เคยมีแม่ใช่มั้ย'
หลังได้ยินคำถามเสือน้อยก็ทำหน้าสลด ก่อนตอบเบา ๆ 'ไม่มีฮะ'
ซีวอนเห็นน้องเศร้าสร้อยกับอดีตของตัวเองก็สงสารเบียดร่างเข้าชิดเจ้าตัวเล็กเป็นการปลอบประโลม
'ต่อจากนี้ไปเรียกฉันว่าแม่ก็ได้ ฉันจะเลี้ยงดูเธอเอง' คยูฮยอนได้ยินดังนั้นน้ำตาก็พาลจะไหล มันเดินเตาะแตะเข้าไปซุกอยู่ที่ขาหน้าของแทยอน
'คุณแม่' เด็กน้อยเรียกพลางยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ เมื่อมีโอกาสได้เรียกแม่ครั้งแรกในชีวิต
“น่ารักมากแทยอน” ซอกฮุนกล่าวร้อมลูบศีรษะโต ๆ ของนางสิงห์ “ฉันฝากคยูฮยอนด้วยนะ” พอมั่นใจว่าคยูฮยอนสามารถอยู่ร่วมกับแทยอนและลูก ๆ สิงโตทั้งสามได้ เขาจึงเดินออกจากคอกไป แต่ยังไม่วายแอบคอยดูอยู่ห่าง ๆ
ซีวอนอาสาทำหน้าที่พาคยูฮยอนเดินสำรวจคอกสิงโต เจ้าตัวเล็กที่ขาสั้นกว่าลูกสิงโตผู้เป็นพี่ใหญ่ถึงสามเท่าต้องพยายามเดินกึ่งวิ่งตามให้ทันพี่ชาย
'นี่ซอฮยอนกับคีย์ เป็นพี่ชายและพี่สาวของคยูฮยอนนะ' ซีวอนเริ่มแนะนำจากน้องท้องเดียวกันกับเขา คีย์และซอฮยอน ลูกสิงห์ที่คลานตามซีวอนออกจากท้องแม่มาในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งสองกำลังเล่นไล่ตะครุบกันอยู่ใต้ต้นไม้เตี้ย ๆ ต้นหนึ่ง ซอฮยอนเป็นเพศเมียแต่มีขนาดตัวใหญ่พอ ๆ กับพี่ชายทั้งสองของเธอ นิสัยร่าเริงและชอบเล่นไล่ตะครุบเหยื่อ พอเธอหันมาเห็นเจ้าลูกเสือขนปุกปุยก็เกิดอาการมันเขี้ยวจึงกระโดดมาตะครุบตัวเอาไว้
'นายน่ารักจังเลยอ้ะ คยูฮยอน' พูดจบก็แลบลิ้นเลียศีรษะน้องชายคนใหม่จนเปียก
'เบา ๆ หน่อยซอฮยอน ตัวเธอไม่ใช่จะเล็ก ๆ นะ' ซีวอนร้องปรามพลางใช้ปากคาบหนังหลังคอลูกเสือดึงจนตัวลอยขึ้นพ้นจากอุ้งเท้าของซอฮยอนที่ล็อคตัวน้องอยู่
'แหม พี่ซีวอน เห็นเด็กน่ารักหน่อยเป็นไม่ได้เลยนะ เห่อคยูฮยอนจนลืมน้องลืมนุ่งหมดแล้วมั้ง' ซอฮยอนแซวพี่ชายตัวเองเล่น'ขอเล่นกับน้องมั่งสิ' เธอเอื้อมอุ้งเท้าหน้าออกไปหมายดึงตัวน้องชายมา แต่ซีวอนกลับคาบหนีไปทางอื่น
'ไม่เอาหรอก เธอชอบเล่นแรง คยูฮยอนตัวเล็กเท่าขาเธอข้างเดียวเท่านั้นเอง ปล่อยไว้กับเธอมันไม่ปลอดภัย'
'โห...ไปเล่นกับคีย์ก็ได้ เนอะคีย์' ลูกสิงโตสาวแกล้งงอน แล้วเดินสะบัดหางไปทางพี่ชายคนที่สอง
'ฉันไม่เล่นนะ เล่นอะไรปัญญาอ่อน ไล่ตะครุบกันอยู่ได้ คิดว่าสนุกนักรึไง' คีย์เบือนหน้าหนีออกอาการรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
'โอ๊ย...ฉันเบื่อนายว่ะคีย์ ไปหาคุณแม่ดีกว่า ไม่ง้อหรอก' ว่าแล้วสิงโตน้อยซอฮยอนก็วิ่งไปหาแม่ที่นอนดูลูก ๆ เล่นกันอยู่บนโขดหิน
ซีวอนมองตามน้องสาวอยู่พักหนึ่ง เขาส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความกระโดกกระเดกไม่สมกุลสตรีที่แม้จะหัดสักเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ คิดไม่ออกเลยว่าโตขึ้นมาจะงามสง่าแบบคุณแม่ได้อย่างไร จากนั้นลูกสิงโตผู้พี่พลันก้มหน้าลงมองลูกเสือข้าง ๆ กาย ยิ้มบาง ๆ ก่อนชี้ให้มองไปทางลูกสิงโตหนุ่มอีกตัวหนึ่ง
'ส่วนคนนี้ชื่อคีย์ เป็นคนไม่ค่อยพูด ส่วนใหญ่เขาไม่เล่นกับพวกเราหรอก เขามีกลุ่มเพื่อนสนิท คยูฮยอนไม่ต้องใส่ใจนะถ้าหากไปทักเขาแล้วถูกเมินใส่หรือไม่คุยด้วยน่ะ เพราะเขาก็ทำแบบนั้นกับพวกพี่เหมือนกัน' ซีวอนกล่าวแนะนำคีย์ในขณะที่เจ้าตัวปรายหางตามามองคยูฮยอนแว่บหนึ่งก่อนจะลุกเดินออกไปจากบริเวณนั้น ซึ่งทำให้ลูกเสือน้อยเอียงคออย่างงุนงง พลางก้มลงมองเนื้อตัวของตนว่ามีสิ่งใดน่ารังเกียจติดขนมาหรือไม่
ลูกสิงโตพาน้องชายต่างสายพันธ์เดินเล่นไปทั่วคอก แนะนำสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่น่ารักให้คนนั้นคนนี้ได้รู้จัก ในคอกสิงโตนี้ลูกสิงห์ทุกตัวล้วนเป็นญาติกัน เพราะมีพ่อร่วมกันคือสิงโตหนุ่มผู้เป็นจ่าฝูง ปกติแล้วสิงโตตัวผู้พ่อพันธุ์นั้นจะถูกแยกไว้อีกคอกหนึ่ง เมื่อถึงเวลาผสมพันธ์เท่านั้นถึงจะอนุญาตให้ตัวผู้กับตัวเมียพบกันได้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ซีวอนยังไม่เคยพบหน้าพ่อของตัวเองเลยสักครั้ง
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ คยูฮยอนคุ้นเคยกับสิงโตในคอกมากขึ้น สิงโตรุ่นใหญ่ ๆ ทุกตัวล้วนแต่เอ็นดูลูกเสือตัวเล็ก ๆ ที่น่าสงสาร แทยอนเองก็ยินดีให้คยูฮยอนกินนมของเธอโดยไม่เกี่ยงบ่น
'กินเยอะ ๆ นะคยูฮยอน จะได้โตเร็ว ๆ'
'คุณแม่...' เสียงใส ๆ ของซอฮยอนดังขึ้นพร้อมปรากฏร่างเจ้าตัวยืนอยู่ตรงหน้าแม่ 'หนูอยากกินนมมั่ง'
'ไม่ได้แล้วซอฮยอน หนูอายุหกเดือนแล้ว หย่านมได้แล้วลูก' แทยอนกล่าวเสียงดุ
คีย์ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ยร่วมกับเพื่อนสิงโตอีกสามตัวเบะปากอย่างเอือมระอา 'คุณแม่ก็ดูแลเจ้าเด็กนั่นมากเกินไป'
'นายอิจฉารึไง' เพื่อนของคีย์ที่ชื่อแทมินเอ่ยถาม 'ฉันว่าเขาก็น่ารักดี นายไม่ชอบเหรอ'
'น่ารำคาญจะตายไป แกก็รู้ว่าฉันเกลียดเด็ก แถมเด็กบ้านั่นยังชอบมายุ่งวุ่นวายกับฉัน ทั้งที่พี่ซีวอนก็บอกมันแล้วว่าอย่ายุ่งกับฉันให้มากนัก แต่มันก็ยังมา'
'โธ่แก น้องเขาก็อยากจะได้รับความรักจากแกบ้าง น่าสงสารออกเกิดมาถูกทิ้ง แม่ไม่รัก ระเห็ดมาอยู่กับครอบครัวสิงโต ดันมาเจอพี่ชายอย่างแกอีก'
'พวกแกไม่เข้าข้างฉันเลยนะ แทมิน อนยู หลงเด็กนั่นกันหมดแล้วรึไง' คีย์ส่งสายตาขวาง ๆ มาทางเพื่อนทั้งสอง
'เบื่อจะคุยเรื่องนี้กับแกแล้ว มาเล่นซ่อนหากันดีกว่า' จงฮยอนที่นั่งนิ่งอยู่นานพูดตัดบท ซึ่งแทมินและอนยูก็เห็นด้วย ส่วนคีย์ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรเพื่อนทั้งสามก็วิ่งไปซ่อนกันเสียแล้ว
เวลาเดียวกันนั้น หลังคยูฮยอนทานนมจนอิ่มก็เดินมานั่งบนโขดหินดูลูกสิงโตสี่ตัวเล่นซ่อนหากัน เด็กน้อยส่ายหางดุกดิกแสดงความสนใจอยากจะลงไปเล่นด้วย
'เล่นกับพี่มั้ยคยูฮยอน'
ลูกเสือน้อยหันมองหาต้นเสียง 'พี่ซีวอน...' เมื่อเห็นว่าซีวอนกำลังเดินเข้ามาหาคยูฮยอนก็กระโจนเข้าใส่ เอาแก้มถูต้นขาหน้าของพี่ชายยกใหญ่ ซีวอนเองเมื่อเห็นน้องอ้อนจึงเลียศีรษะขาว ๆ ไปทีหนึ่ง 'น้องอยากเล่น' เจ้าลูกเสือว่าพลางกระโดดเหยง ๆ
'เล่นอะไรดีล่ะ' ซีวอนถาม
'พี่ซีวอนสอนน้องจับเหยื่อหน่อยได้มั้ย'
'เอาสิ ว่าแต่คยูฮยอนอยากจับอะไรล่ะ'
'อยากจับตัวที่มันบิน ๆ น่ะครับ' คยูฮยอนมองไปทางนกคุ่มสีน้ำเงินตัวหนึ่ง ทำเอาเจ้านกตัวนั้นสะดุ้งเพราะรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่าน
'นั่นฮยอกแจ เป็นเพื่อนพี่เอง มันหนีไม่ค่อยเก่ง ฝึกตะครุบมันไปก็ไม่ได้ทักษะหรอก หาตัวอื่นดีกว่า' ซีวอนกล่าว
'งั้นกระรอกตัวนั้นล่ะครับ' คยูฮยอนแหงนมองขึ้นไปบนต้นไม้พบกระรอกหางฟูกำลังนั่งแทะลูกวอลนัทอยู่อย่างสบายใจ
'นั่นรยออุค เขาอยู่กับครอบครัวในต้นวอลนัทนี่มานานแล้วล่ะ พี่สอนคยูฮยอนจับกระรอกไม่ได้หรอก เพราะว่า สิงโตน่ะ ปีนต้นไม้ไม่เป็นนะรู้มั้ย'
'ถ้าอย่างนั้นเรามาวิ่งไล่จับกันเถอะ' พูดจบคยูฮยอนก็หมอบตัวลงต่ำทำหางชี้ส่ายไปมา ก่อนกระโจนใส่ซีวอน คนเป็นพี่ก็ไม่ได้หลบแต่อย่างใด แรงปะทะทำให้ล้มกลิ้งไปด้วยกันทั้งคู่โดยคยูฮยอนนอนแปะอยู่บนตัวพี่ชายที่หงายท้องอยู่ ซีวอนผงกศีรษะขึ้นมาทำให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่มากนัก พี่ชายต่างสายพันธ์ยื่นจมูกไปชนกับจมูกสีชมพูสดรูปหัวใจของลูกเสือ เจ้าตัวเล็กผงะเล็กน้อยแล้วซุกศีรษะลงกับซอกคอผู้เป็นพี่อย่างขัดเขิน
'คยูจับพี่ได้แล้ว คราวนี้พี่จะเป็นคนไล่บ้างนะ' ลูกสิงโตว่าทำให้ลูกเสือขาวกระโดดแผลวลงจากร่าง วิ่งฉิวหนีไปทันที ลูกสิงห์ต่อให้น้องวิ่งไปก่อนสักระยะหนึ่งตัวเองถึงออกวิ่งตาม
คยูฮยอนวิ่งมาแอบหมอบอยู่ตรงหลังพงหญ้าสูง อาศัยความได้เปรียบของการมีลายพาดกลอนบนตัวคล้ายต้นหญ้าเพื่อพรางตา หูสีชมพูตั้งชันรอฟังเสียงฝีเท้า แต่แทนที่จะได้ยินเสียงย่างก้าวกลับกลายเป็นเสียงพูดคุยกันดังมาจากบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
'ถ้าฉันเป็นพี่ซีวอนนะ ไม่เสียเวลามาเล่นกับเด็กบ้านี่หรอก รู้มั้ยว่าพี่ซีวอนน่ะ โตขึ้นจะได้เป็นจ่าฝูงคนต่อไป แทนที่จะทำตัวให้ดูดีมีสง่าราศีสมกับที่ใครต่อใครหมายตาไว้ให้เป็นจ่าฝูง ดันมาเล่นซนบ้าบออยู่กับเด็ก แบบนี้มีหวังตำแหน่งจ่าฝูงตกไปเป็นของมินโฮแน่' ถ้าจำไม่ผิดเสียงนี้เป็นเสียงของคีย์ พี่ชายคนรองที่ไม่เคยพูดกับเขาเลย แม้จะพยายามไปคลอเคลียด้วย ก็ถูกเมินใส่ด้วยความรำคาญอยู่เสมอ
'ไม่หรอกมั้ง มินโฮเองก็ชอบมาวิ่งเล่นกับฉันเหมือนกัน ไม่เห็นต้องวางมาดตลอดเวลาเลย' นี่คงเป็นเสียงของพี่แทมิน เพื่อนคนที่หน้าตาน่ารัก ๆ ของพี่คีย์
'ทำไมแกเกลียดเจ้าเด็กนั่นนักวะ' อีกเสียงหนึ่งต้องเป็นของพี่จงฮยอนอย่างแน่นอน
'ไม่ได้เกลียด แค่รำคาญ'
ได้ฟังดังนั้นคยูฮยอนถึงกับหางลู่หูตก ค่อย ๆ ย่องออกไปอย่างเซื่องซึม เสียงเล็ก ๆ พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า 'อา...นี่เรามาวุ่นวายกับครอบครัวของพี่ซีวอนมากเกินไปรึเปล่านะ เราไม่ได้ตั้งใจขัดขวางการขึ้นเป็นจ่าฝูงของพี่ซีวอนซักหน่อย' เจ้าตัวเล็กย่องอย่างเงียบ ๆ ไปจนถึงริมรั้วตาข่ายที่กั้นคอก 'หรือว่าเราควรจะกลับไปหาคุณพ่อ'
เมื่อคิดได้เช่นนั้นคยูฮยอนก็เดินสำรวจริมรั้วอยู่พักหนึ่ง จนมาพบโพรงเล็ก ๆ ซึ่งเกิดจากการถูกสัตว์ฟันแทะกัดลูกเสือจึงใช้อุ้งเท้าขุดดินใต้โพรงให้ลึกลงไป เจ้าตัวน้อยลองมุดหัวเข้าไปในโพรงดังล่าวปรากฏว่าสามารถพาร่างเล็ก ๆ ขนาดเท่าลูกแมวลอดผ่านออกไปได้ ทว่าขณะที่ก้นกลม ๆ กำลังจะผ่านพ้นรั้วตาข่ายออกไปนั้น เสือน้อยพลันได้ยินเสียงตะโกนมาจากระยะไกล
'คยูฮยอน!' เจ้าตัวเล็กรู้ทันทีว่าเป็นเสียงพี่ซีวอนของเขา 'คยูฮยอน ไปซ่อนอยู่ไหนกันนะ เผลอแผล็บเดียวเอง'
คยูฮยอนหันไปมองคอกสิงโตอีกครั้งอย่างอาวรณ์ก่อนจะใช้ขาสั้น ๆ ป้อม ๆ ควบออกไปอย่างรวดเร็ว
'นี่...คีย์ เห็นคยูฮยอนรึเปล่า' ซีวอนเดินมาถามกลุ่มลูกสิงโตสามตัวที่นอนเล่นอยู่ใกล้พงหญ้ารก
'ไม่เห็นนี่ คงวิ่งอยู่แถวนี้แหละมั้ง พี่ไม่ต้องห่วงหรอก' คีย์ตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ
'จะไม่เห็นได้ยังไง ก็พี่มองจากบนโขดหินเห็นน้องวิ่งมาทางนี้ชัด ๆ' ซีวอนพูดพลางเดินสำรวจดูบริเวณรอบ ๆ
'ไม่มีหรอกพี่ ถ้าคยูฮยอนมาแถวนี้จริงพวกผมก็ต้องได้ยินเสียงแล้วสิ' คีย์กล่าว
'แต่คยูฮยอนเป็นเสือนะ แถมตัวก็เล็กนิดเดียว ถ้าย่องจริง ๆ ก็อาจจะไม่ได้ยิน' สิงโตผู้เป็นพี่ใหญ่ยังพยายามหาต่อไป พลางตะโกนเรียกเสียงดัง 'นี่คยูฮยอน พี่ยอมแพ้แล้ว ออกมาเถอะ'
'เดี๋ยวผมช่วยหาครับพี่' จงฮยอนเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ
'ผมช่วยอีกแรงก็แล้วกัน' แทมินเดินดมแล้วใช้อุ้งเท้าเขี่ย ๆ ไปตามต้นหญ้าเพื่อหาร่องรอยของลูกเสือขาว
หลังจากค้นหาไปได้สักพัก ซีวอนก็พบเข้ากับโพรงเล็ก ๆ โพรงหนึ่ง ที่มีรอยอุ้งเท้าตะกุยดินอยู่ด้านใต้
'นี่พวกนาย ฉันเจอโพรงล่ะ' เขาตะโกนบอกทีมค้นหาอีกสี่ตัวให้วิ่งมาดู
ทันทีที่คีย์มองเห็นเขาก็หันไปมองหน้าเพื่อนรักทั้งสาม
'แกว่าเด็กนั่นมันได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่าวะ มันถึงได้คิดหนีออกจากบ้าน' คีย์กระซิบถามจงฮยอน แต่ก็ไม่พ้นหูของซีวอน
'นายพูดอะไร' พี่ชายคนโตสงสัย
'ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะพี่ ถึงผมจะรำคาญคยูฮยอนไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการขับไล่เขาออกไปจากครอบครัวเรา เพียงแต่...พี่ก็เข้าใจว่าผมไม่ชอบเด็ก'
'เอาเถอะ ตอนนี้มานั่งโทษกันคงไม่มีประโยชน์ ฉันจะออกไปตามหาคยูฮยอน นายช่วยดูแม่เอาไว้ด้วยนะ ถ้าท่านถามให้บอกไปว่า ฉันกับคยูฮยอนไปวิ่งเล่นไม่ต้องห่วง' ซีวอนกำชับ ก่อนจะขุดโพรงเล็กให้ขยายขึ้นอีกจนกระทั่งร่างของลูกสิงห์สามารถลอดออกไปได้
เวลาล่วงไปจนบ่ายคล้อย ลูกเสือขาวตัวเล็ก ๆ เดินสะเปะสะปะไปบนผืนดินกว้างใหญ่รายล้อมด้วยหญ้าสูงและพุ่มไม้เตี้ย ไร้วี่แววบ้านแสนอบอุ่นที่เขาเคยอยู่อาศัยกับคุณพ่อและชางมิน แสงแดดร้อนระอุสาดส่องเผาผลาญพลังงานออกจากร่างกายจนคยูฮยอนต้องแลบลิ้นเล็ก ๆ ออกมาเพื่อระบายความร้อน เขาหายใจด้วยเสียงหอบแฮ่ก
'คิกๆๆๆ' หากหูของคยูฮยอนไม่ฝาดไป เขาคิดว่าได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ
'หืม...' เด็กน้อยหันมองไปรอบกายแต่ไม่พบสิ่งใดนอกจากต้นหญ้าแห้งสีทองอร่าม
'ฮิๆๆๆๆ' เสียงขบขันยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
หูของคยูฮยอนตั้งชัน สองขาหน้าเหยียดตรง สองขาหลังงอเล็กน้อยอยู่ในท่าเตรียมทะยานไม่ว่าจะเพื่อหนีหรือต่อสู้ ร่างเล็ก ๆ พองขนฟูฟ่องขยายขนาดลำตัวขึ้นได้เล็กน้อย ประสาทหูเริ่มจับทิศได้ว่าเสียงนั้นดังมาจากด้านหน้า ซึ่งนอกจากเสียงหัวเราะแล้วยังมีเสียงฝีเท้าย่างก้าวเข้ามาใกล้...ใกล้จนกระทั่งผลจากการมองย้อนแสงทำให้เห็นร่างสูงใหญ่ดำทะมึนที่มีนัยน์ตาเปล่งประกายวาวโรจน์จับจ้องมายังเสือน้อยผู้เคราะห์ร้าย
'คิกๆๆๆ' เสียงหัวเราะมีมากกว่าหนึ่ง ร่างสีดำอีกสองร่างโผล่พ้นพงหญ้าออกมา ทำให้คยูฮยอนต้องขยับถอยหลังหนี
'จุ๊ๆๆๆ...นี่มัน...ลูกเสือนี่ฮันเกิง' ร่างทางซ้ายพูดขึ้น
'ฮ่าๆๆๆ ใช่ ๆ เสือนี่นา นี่ถิงฟ่งแกจำพี่อู๋ตี้จ่าฝูงของเราได้มะ' สัตว์แปลกตาตัวที่อยู่ตรงกลางหันไปถาม
'จำได้สิ พี่อู๋ตี้ที่ดันไปแย่งกินตัวไวล์เดอบีสต์ของสิงโต เลยโดนสิงโตโมโหหิวจับกินพร้อมไวล์เดอบีสต์' ถิงฟ่งกล่าวพลางทำหน้าสลด
'เดี๋ยว ๆ พี่ แบบนั้นมันก็สมควรโดนกินแล้วไม่ใช่เหรอ' ตัวที่อยู่ทางขวาแทรกขึ้นมาบ้าง
'แกไม่รู้อะไรเซี่ยนหัว เกิดมาช้าก็อย่างงี้แหละ' ถิงฟ่งรีบหันมาขัดทันที
'เฮ้ย จะยังไงก็ช่าง ลูกพี่อู๋ตี้ของเราโดนสัตว์ตระกูลแมวยักษ์กิน ดังนั้น เรากับไอ้หมอนี่ก็มีความแค้นต่อกัน วันนี้ล่ะ ฉันจะกินเสือ' ฮันเกิงพูดพลางก้มหน้าลงมาใกล้ลูกเสือตัวเล็ก พร้อมหรี่นัยน์ตาลงจ้องมองดวงตาสีฟ้าสุกใสอย่างดุร้าย
'ยะ...อย่านึกว่าเราจะกลัวนะ' คยูฮยอนขู่
'อู้ยยยยย น่ากลัวจัง' เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นอีกครั้ง 'เรื่องนี้มันก็โทษพวกฉันไม่ได้หรอกนะไอ้หนู เพราะนี่มันคอกไฮยีน่า แกหลุดหลงเข้ามาเองนับว่าแกโชคร้าย แถมพวกฉันก็ยิ่งหิว ๆ กันอยู่ด้วย เนื้อไก่เมื่อกลางวันทำไมมันย่อยเร็วนักวะถิงฟ่งฮ่าๆๆ' ไฮยีน่าฮันเกิงหันไปทางซ้ายของตนอีกครั้ง
'จริงด้วยลูกพี่' ถิงฟ่งพยักหน้าหงึกหงัก
'แต่ผมยังอิ่มอยู่นะ'
'แกเงียบไปเซี่ยนหัว แกอิ่มก็ดีแล้ว ฉันกะไอ้ถิงฟ่งจะได้กินลูกเสือเนื้อนิ่ม ๆ กันสองคน' ฮันเกิงหันไปแยกเขี้ยวใส่เซี่ยนหัว ก่อนจะย่างเท้าเข้ามาหาคยูฮยอน
เจ้าลูกเสือแยกเขี้ยวขู่ ทำขนพอง 'อย่าเข้ามานะ'
'คิกๆๆๆๆ นั่นเสียงอะไรน่ะลูกพี่ ถ้าฟังไม่ผิด เสียงคำรามใช่มะ' ถิงฟ่งล้มลงไปนอนขำชักดิ้นชักงอ
'หา...เสียงเหมียว ๆ เมื่อกี้น่ะรึ ที่แกเรียกว่าคำราม ก๊ากๆๆๆ' ฮันเกิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับไปนิ่งขรึมอย่างรวดเร็ว 'แกอย่าเพิ่งทำให้ฉันเสียสมาธิได้มั้ยไอ้ถิงฟ่ง'
พูดจบไฮยีน่าขนสีเทาลายจุดก็กระโจนเข้าใส่ลูกเสือวัยเพียงสองเดือน แรงกระแทกทำให้คยูฮยอนกระเด็นกลิ้งไปหลายตลบ เด็กน้อยพยายามยันแข้งขาที่สั่นเทาให้ลุกขึ้นยืนแต่ขาหน้าข้างขวากลับเกิดอาการเจ็บแล่นปราดขึ้นสู่สมองจึงทำได้เพียงนอนหมอบอยู่ที่พื้น จับจ้องนัยน์ตาสีฟ้าไปยังไฮยีน่าทั้งสามอย่างไม่เกรงกลัว
คยูฮยอนพยายามส่งเสียงคำราม แต่ก็ไม่เป็นผล มีแต่เสียงเหมียว ๆ ดังออกมา สร้างความขำขันให้แก่เจ้าถิงฟ่งที่กำลังหัวร่อปานจะขาดใจตาย ส่วนเจ้าเซี่ยนหัวได้แต่ยืนมองเพื่อนอย่างเอือมระอา เสือน้อยคิดว่าเจ้าเส้นตื้นกับเจ้าหน้านิ่งสองตัวนี้ดูไม่อันตรายเท่ากับฮันเกิงที่ย่างก้าวเข้ามาใกล้ทุกขณะ คยูฮยอนหมอบตัวลงต่ำเตรียมต่อสู้อย่างสุดความสามารถ เจ้าตัวเล็กมีจิตใจเป็นเสือ แม้จะยังเล็กแต่ก็ไม่ขลาดกลัวจนต้องร้องขอชีวิต อย่างน้อยหากจะตายก็ขอให้ได้สู้อย่างสมศักดิ์ศรี
ทว่าก่อนที่ฮันเกิงจะได้กระโจนใส่ เงาดำ ๆ ก็พุ่งฉิวข้ามหัวของเด็กน้อยไป เงานั้นชนปะทะเข้ากับร่างของฮันเกิงจนกระเด็น ตาใสมองเห็นก้นของหมูป่าตัวใหญ่เป็นสิ่งสุดท้ายก่อจะถูกงับที่หนังคอแล้วดึงให้ลอยขึ้น เจ้าลูกเสือเงยหน้าขึ้นมอง
'พะ...พี่ ซี...วอน' เสียงเล็ก ๆ กล่าวอย่างกระท่อนกระแท่นเพราะแรงสั่นสะเทือนจากการควบอย่างไม่คิดชีวิตของลูกสิงโตผู้เป็นพี่ชาย ครั้นหันไปมองข้าง ๆ ก็พบหมูป่าตัวใหญ่ควบตะบึงตามมา ซีวอนโยนคยูฮยอนขึ้นไปบนหลังของหมูป่าตัวนั้นได้อย่างแม่นยำ
'ฝากหน่อยนะพี่ชินดง' เขากล่าวก่อนจะหันไปข่วนใส่หน้าของถิงฟ่งที่วิ่งตามมาจนกระเด็นไป ทำให้เจ้าเซี่ยนหัวที่วิ่งอยู่ด้านหลังสะดุดร่างของเพื่อนหกล้มกันระเนระนาด
ซีวอนและชินดงพาคยูฮยอนวิ่งมาจนถึงสุดเขตแดนไฮยีน่า พลันกระโดดข้ามร่องลึกที่เป็นแนวกั้นระหว่างคอกหมูป่าและคอกไฮยีน่าไป ร่องลึกนี้ถูกขุดให้มีระยะกว้างเกินกว่าความสามารถของไฮยีน่าจะกระโดด แต่ไม่กว้างเกินความสามารถของเสือหรือสิงโต ส่วนหมูป่านั้นมีเพียงชินดงตัวเดียวที่กระโดดได้ นั่นเป็นความสามารถพิเศษของหมูร่างตันอย่างชินดง
'แฮ่กๆๆ' เสียงหอบเหนื่อยดังมาจากทั้งชินดงและซีวอน
'ขอบคุณมากนะพี่ชินดง' ซีวอนกล่าว
ลูกสิงโตผู้เป็นพี่นั้นหลังจากมุดรั้วออกมาก็พบว่าตนเองอยู่ในอาณาเขตของคอกไฮยีน่า ซึ่งเขาคิดว่าหากทะเล่อทะล่าออกไปช่วยน้องด้วยตัวคนเดียว นอกจากจะช่วยคยูฮยอนไม่ได้แล้วการจะเอาตัวเองให้รอดก็ยังยากนัก จึงมุดรั้วข้ามกลับมาแล้ววิ่งไปยังอีกฟากฝั่งหนึ่งของคอก ก่อนลอดตัวผ่านโพรงลับตรงซอกรั้ว ที่ตัวเองขุดไว้เป็นประตูเข้าออกเชื่อมต่อกับคอกหมูป่าที่อยู่ติดกัน ซึ่งซีวอนมักแอบเข้ามาเล่นกับชินดงในยามที่เขาเบื่อที่จะเล่นกับพวกเพื่อนสิงโตด้วยกันเอง ลูกสิงโตขอความช่วยเหลือจากชินดงให้ไปช่วยตามหาคยูฮยอน เนื่องจากชินดงมีรูปร่างใหญ่ สามารถปะทะกับไฮยีน่าได้อย่างสบายแถมยังอาศัยร่างกายที่กำยำขู่ทำให้มันเกรงกลัวได้
'ไม่ต้องขอบคุณหรอก นี่ดีนะที่ตอนเด็ก ๆ นายสอนชั้นให้กระโดดไกล ก็เลยกระโดดข้ามร่องกว้างได้ ฉันล่ะภูมิใจจริง ๆ'
'คยูฮยอน...บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า' ซีวอนถามลูกเสือขาวที่ยังคงนอนแปะอยู่บนหลังของหมูป่า
'เปล่าครับ' เด็กน้อยมีสีหน้าสลด สำนึกผิดที่ได้สร้างเรื่องเดือดร้อนให้กับพี่ชายและเพื่อน
'เอ้า...งั้นก็ลงมา เราจะได้กลับบ้านกันนะ' ซีวอนคาบหนังคอของน้องอุ้มให้ลงมายืนบนพื้น แต่ทันทีที่อุ้งเท้าป้อมสัมผัสพื้นคยูฮยอนก็หน้าคะมำ เพราะขาหน้าข้างขวาไม่สามารถรองรับน้ำหนักตัวได้ 'หือ...ขาเราเจ็บเหรอ' ซีวอนก้มลงดูที่อุ้งเท้าของน้อง พบว่ามันบวมออกมา
'เจ็บมากรึเปล่า' เขาถามพลางแลบลิ้นเลียที่อุ้งเท้าเล็ก
'ไม่เท่าไหร่ครับ พี่ซีวอนอย่าเลียเลย มันสกปรก'
'พี่ไม่รังเกียจคนครอบครัวเดียวกันหรอกนะ' ซีวอนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ 'กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้แม่รอป้อนนมคยูฮยอนแล้วล่ะ'
'น้องอยากกลับไปหาคุณพ่อมากกว่า' เจ้าตัวน้อยน้ำตาคลอขณะพูด
'หืม...น้อยใจอะไรอย่างนั้นหรือ' ซีวอนยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นลูบเบา ๆ ที่ศีรษะของเจ้าลูกเสือ
'น้องอาจจะไม่เหมาะกับที่นี่'
'ไม่เหมาะอะไรเล่า' เสียงหนึ่งดังเล็ดลอดมาจากหลังรั้วกั้นคอกสิงโต 'กลับมาได้แล้ว พี่รออยู่นะ จะได้ไปกินเนื้อกัน'
'เห็นมั้ย คีย์เรียกแล้ว ไปกันเถอะ' พูดจบซีวอนก็คาบหนังคอของน้องที่เบิกนัยน์ตาสีน้ำเงินดวงโตออกกว้าง เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยิน นี่แสดงว่าพี่คีย์ยอมรับเขาแล้วอย่างนั้นหรือ ลูกเสือน้อยยิ้มดีใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนที่ซีวอนจะมุดโพรงกลับไป โดยไม่ลืมหันมาโค้งให้กับชินดงเป็นการขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อกลับเข้ามายังคอกสิงโต ซอกฮุนกำลังหิ้วกระติกเนื้อมาให้อาหารพอดี ซีวอนจึงพาน้องไปหาผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์
“เป็นยังไงบ้างเจ้าตัวเล็ก ไปเล่นซนที่ไหนมา แข้งขาบวมเชียว” ว่าแล้วสัตวบาลหนุ่มก็หยิบอุปกรณ์ทำแผลมาจัดการกับอุ้งเท้าของลูกเสือน้อย เขาใส่ยาแล้วนวดลงไปบนอุ้งเท้าบวมช้ำแล้วพันด้วยผ้าก๊อซหนา ๆ หลาย ๆ ชั้นจนกลายเป็นเฝือกอ่อน “ซีวอนดูแลน้องอย่าให้วิ่งมากนะช่วงนี้” ซอกฮุนว่าพลางลูบศีรษะลูกสิงโตเบา ๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากคอก
'คุณพ่อ' เจ้าตัวเล็กเดินกะย่องกะแย่งตามหลังซอกฮุนไป
เมื่อได้ยินเสียงเรียกเหมียว ๆ ที่คุ้นเคยนายสัตวบาลหนุ่มก็หันกลับมาอุ้มคยูฮยอนขึ้น “อยากกลับบ้านเราอย่างนั้นรึ”
'น้องคิดถึงคุณพ่อ' ลูกเสือน้อยที่ตัวโตขึ้นจนซอกฮุนสามารถอุ้มได้เต็มไม้เต็มมือซุกศีรษะเข้ากับซอกคอของผู้ปกครอง 'มาหาน้องบ่อย ๆ นะ'
“อยู่ที่นี่แหละเนอะ มีพี่ซีวอนดูแล” ว่าแล้วก็วางเด็กน้อยลง แล้วเดินออกจากคอกไป คยูฮยอนเดินกลับมาหาซีวอนเอาแก้มถูกับแผงอกสองสามที พี่ชายก็ชอบใจเลียปากน้องเบา ๆ เป็นการให้รางวัล คืนนั้นหลังจากได้ทานเนื้อชิ้นเล็ก ๆ แล้วคยูฮยอนก็นอนซุกขนนุ่มดูดนมแม่อย่างสบายใจ โดยมีซีวอนนอนเบียดเอาขาหน้าก่ายตัวอยู่ข้าง ๆ
ห้าปีผ่านไปในคอกใหญ่แห่งหนึ่ง สิงโตแอฟริกาหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำแผงคอนุ่มสลวยนั่งอย่างสง่างามอยู่บนโขดหิน ข้าง ๆ มีร่างเพรียวของเสือขาวเบงกอลแนบซบอยู่ ซีวอนละทิ้งตำแหน่งจ่าฝูงโดยมอบให้กับมินโฮอย่างไม่เสียดาย เพื่อจะได้มาอยู่ร่วมกับเสือตัวน้อยที่เขารักและอยากจะร่วมชีวิตด้วยเพียงตัวเดียว
'คยูฮยอนพี่ชอบเวลาเราเอาแก้มมาถูอกพี่จัง' ซีวอนพูด
'รู้มั้ย เสือเค้าทำแบบนั้นกันทำไม'
'ทำไมเหรอ'
'แสดงความเป็นเจ้าของไงฮะ' พูดจบคยูฮยอนก็ถูแก้มกับสีข้างของซีวอน
WonKyu's love after 5 years....
|
2 ความคิดเห็น:
เจิม เป็นศิริมงคล
ชอบจัง ><
แสดงความคิดเห็น